インバウンドでタイ人を集客! 事例多数で万全の用意 [PR]
ナムジャイブログ

Daily Leak

【PR】

本広告は、一定期間更新の無いブログにのみ表示されます。
ブログ更新が行われると本広告は非表示となります。
  

ใครที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองก็ต้องทำใจกับค่าครองชีพที่แพงมหาโหดเวอร์เกินจริงไปมาก เดี๋ยวนี้ข้าวราดแกงบางร้านก็ปาเข้าไปตั้ง 45-55 เข้าไปละ แถมบางครั้งรสชาติไม่ได้เรื่อง อยากกินที่มันอร่อยหน่อย คือค่อนข้างเชื่อถือได้ว่าเข้าไปกินแล้วจะไม่เสียอารมณ์ก็คงต้องเป็นร้านที่ราคาอาหารเฉลี่ยที่ 70-80 บาท

แต่บางครั้งเราก็ลืมอาหารง่ายๆ แต่อร่อยไป คือไข่เจียว วันนี้ผมได้มีโอกาสได้กินไข่เจียวข้างทาง ราคาเป็น 25 บาท แถมรสชาติใช้ได้ไม่อมน้ำมันอีกด้วย ขอบคุณที่ยังมีอาหารราคาถูกแถมรสชาติดีอยู่ในเมือง อิ่มใช้ได้เลยครับ  

วันนี้ผมจะมาเล่าความรู้สึกส่วนตัวกับข้าวหมูกระเทียมไข่ดาว ที่โรงอาหาร มศว. เป็นความรู้สึกส่วนตัว ไม่ขอเรียกว่าริวิวนะครับ


ภาพที่คุณเห็นด้านบนนั้นแหละครับหมูกระเทียมไข่ดาวที่คุณพูดถึง ผมไม่เคยเห็นข้าวหมูกระเทียมแบบนี้มาก่อน ก่อนกินได้กลิ่นเครื่องเทศบางอย่างซึ่งผมบอกไม่ได้ว่ามันคือกลิ่นอะไร แต่กลิ่นแรงมาก พอลองกินเข้าไปคำแรก ความรู้สึกเหมือนมันมีกลิ่นคล้ายข้าวหมกไก่ยังไงไม่รู้ครับ รสชาติออกหวานๆ ปนๆ กลิ่นกระเทียมแล้วก็เครื่องเทศอะไรก็ไม่รู้ เรื่องรสชาติมันก็ไม่แย่เท่าไหร่นะ แต่ที่ผมกินได้ไม่อร่อยเท่าที่ควรก็เพราะกลิ่นของมันเนี่ยแหละ

สรุปนะครับ รสชาติไม่แย่ครับ แต่ถ้าลดกลิ่นไปได้จะดีมากเลยครับ  

สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาเล่าการหัดเรียนหัดเล่นดนครีครั้งแรก

เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปเมื่อสมัยประถมเลยครับ ตอนนั้นอยู่ ป.5 ต้องเริ่มที่จะต้องเตรียมตัวไปสอบเข้ามัฐยมพ่อกับแม่ต้องการให้ผมเรียบพิเศษวันเสาร์ เพื่อเสริมความรู้ไปสอบแข่งขันกับคนอื่น แต่เมื่อใครก็ตามที่ได้ลงเรียนพิเศษวันเสาร์กับทางโรงเรียนแล้ว เขาจะมีวิชาดนตรีสากลสอนให้ต่างหากอีกด้วย

ตอนเรียกครั้งแรกเราได้รู้จักกับการอ่านโน็ตดนตรีที่เป็นบรรทัดห้าเส้น การอ่านโน๊ตจังหวะและเสียงต่างๆ จำได้ว่าต้องมานั่งหัดคัดตัวกุญแจซอลด้วย (เอาจริงๆ ตอนนั้นแทบไม่เข้าใจสิ่งที่ครูสอนเลยซักนิด เหมือนเราใช้วิธีการจำเอาอ่านะ) พอเรียนได้สักระยะนึง ครูจะให้เราเลือกระหว่างดีกลองกับเครื่องเป่า เราก็เลือกเครื่องเป่า เครื่องเป่าในตอนนั้นก็คือเมโลเดียน จากนั้นเราก็มีเครื่องดนตรีชิ้นแรกเป็นของตัวเอง ขอบอกว่าเห้อมากๆ ด้วยความร้อนวิชานั่งเป่าทั้งวันจนพ่อแม่รำคาญ​ไม่เป็นเพลงหรอกครับ

หลังจากนั้นทุกๆ สัปดาห์ครูจะหาเพลงมาสอนเรื่อยๆ โดยแต่ละเพลงก็ใช้เวลานานเหมือนกัน เพราะทุกจะหัดพร้อมกันและไปทะละท่อน เท่าที่จำได้เพราะที่หัดคือ
1. เพลงชาติ
2. ค้างคาวกินกล้วย
3. ไออุ่น
4. ลอยกระทง
5. สรรเสริญพระบารมี
6. กราวกีฬา
7. เพลงประจำโรงเรียน
จำไม่ได้ละ

จบเพียงเท่านี้ก่อนละกันครับ คราวหนัาจะมาเล่าต่ออีก  

เนื่องด้วยผมได้เข้ามาทำงานได้บริษัทญี่ปุ่นและมีความต้องการที่ต้องการเรียนภาษาญึ่ปุ่น จึงเริ่มเข้าไปหาข้อมูลการเรียนภาษาญี่ปุ่นจากใน internet

เท่าที่หาข้อมูลจากหลายๆ แหล่ง ปรากฏว่าทุกๆ ที่มักชี้เป็นมาเป็นที่เดียวกันคือให้เริ่มต้นเรียนด้วยหนังสือ มินะโนะ นิโฮงโกะ ผมคิดว่าวันนี้จะลองเข้าไปหาที่ร้านหนังสือดู และจะมาบอกอีกทีว่าหนังสือเล่มนี้เป็นยังไงนะครับ  

วันนี้ผมจะมาแนะนำให้รู้จักกับกระปุกออมสินใส่ถ่ายเพื่อยั่วยวนในหนูน้อยหัดรู้จักการออมเงิน นั่นก็คือกระปุกออกสินหมากินเหรียญ

นี่คือหน้าตาของมัน


ความพิเศษของมันก็คือเมื่อเราวางเหรียญไว้ในถาดอาหาร หมามันจะทำท่ากินเหรียญเป็นอาหาร แล้วเหรียญจะไหลลงไปเก็บในกล่องเก็บเหรียญด้านล่างโดยอัตโนมัติ  

เมื่อปีที่แล้ว ปกติผมจะเดินทางไปทำงานด้วยรถไฟสายตะวันออก จากสถานีรถไปหัวหมากเข้าไปทำงานแถวพญาไทครับ แต่ด้วยความที่วันนั้นผมก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ ไม่ได้สนใจรถไฟเลยว่าขบวนนี้มันไปทางไหน พอเราเห็นรถไปมาแล้วเราก็ขึ้นเลย

แล้วพอรถไฟออกก็ตกใจ อ่าวแม่งไปคนละทาง ทำไงหว่าไม่เคยนั่งออกนอกกรุงเทพเลย ไม่รู้จอดอีกทีที่สถานีไหน ก็พยายามถามๆ คนในรถไฟเขาก็บอกว่า สถานีต่อไปเป็นสถานีทับช้าง ไม่ไกลค่อย ไปนั่งรอรถไฟขบวนใหม่เข้ากรุงเทพที่นั่น

พอผมไปถึงแทนที่ผมว่าอารมณ์เสียกับความโง่ของตัวเอง ผมก็ได้สัมผัสถึงความสวยงามของดวงอาทิตย์ยามเช้าที่สาดแสงเข้ามาภายในสถานี และบรรยากาศดีๆ ผมก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพเอาไว้ แต่ความจริงผมถ่ายได้กากมาก เพราะที่ตาผมเห็นมันสวยกว่านี้มากๆ

บางทีความผิดพลาดบางอย่าง อาจทำให้เราเจอความสุขที่แตกต่างได้นะครับ


  

จริงๆ วันนี้เป็นวันที่อากาศดี ตื่นเช้ามาเราไม่งัวเงี่ยเลย คิดว่าน่าจะเป็นวันที่เริ่มต้นทำงานได้ดี
แต่...ครับ เมื่อออกจากบ้านผมก็ขึ้นรถเมล์สาย 206 เดินทางมาทำงาน โดยที่ปกติจะใช้เวลาเดินทางประมาณไม่เกิน 1 ชม. ต่อให้รถติดแค่ไหนก็ตาม ผมจึงกะเวลาเอาไว้ทำธุระต่อตอนเช้าเอาไว้แล้ว แต่ผมกลับมาสายกว่าที่คิด เพราะรถเมล์เจ้ากรรมดันใช้เวลาเดินทางชั่วโมงครึ่ง

ผมเห็นรถเมล์ 206 รอบหลังๆ แซงไป 2 คัน ประเด็นคือ รถเมล์ค้นนี้วิ่งช้าเพราะเหมือนเครื่องยนต์มีปัญหา เป็นตั้งแต่ผมขึ้นไปแล้ว แล้วผมขึ้นจากต้นสายคืออู่ของรถเลย แล้วทำไมเค้าถึงปล่อยให้รถมีปัญหาเครื่องยนต์มารับส่งผู้โดยสารแบบนี้ ถ้าเกิดเสียกลางทาง ไม่วายก็ต้องลงไปต่อรถกันใหม่อยู่ดี เอาล่ะครับก็ได้แค่บ่น หวังว่าคราวหน้าจะไม่เจออีก เซงเบย  

เท้าความสักนิด
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ผมได้มีโอกาสไปสัมผัสกับกีฬาเอ็กตรีมชนิดนึงเขาเรียกกันว่า Wakeboard เอาจริงๆ ก่อนผมจะไปเนี่ยผมไม่รู้จักกีฬานี้เลยสักนิด แล้วผมไปลองเล่นได้ยังไงล่ะ เรื่องมีอยู่ว่าเพื่อนของผมคนนึงกำลังเล่นกีฬานี้อยู่ แล้วมันก็ชวนผมไปเล่น ตอนแรกที่คุยกันผมก็ไม่รู้จัก แต่พอมันเริ่มเล่าให้ฟังว่ากีฬานี้เล่นยังไงเป็นแบบไหน ผมรู้สึกสนใจมากในทันที และตบปากรับคำว่าจะเป็นไปเล่น ผมไปเล่นครั้งแรกที่บึงตะโก้ครับ อยู่แถวๆ วัดหลวงพ่อโต ถนนบางนา-ตราด

เอาล่ะครับ เมื่อผมมาถึงที่บึงตะโก้ พอเริ่มได้เห็นบรรยากาศยิ่งอยากเล่นเข้าไปใหญ่ ตรงนี้ขอเสริมข้อมูลนิดนึงครับ ปกติกีฬาชนิดนี้จะนิยมใช่อุปกรณ์อยู่ 3 แบบครับ (แต่จริงมีมากกว่านี้อีกนะครับ) ตามนี้ครับ
1. Kneeboard จะเป็นบอร์ดแบบคุกเข่าเหมาะสำหรับคนที่เริ่มเล่นครั้งแรก เพื่อให้ร่างกายชินกับแรงดึงของเคเบิ้ลก่อน
2. Wakeboard จะเป็นบอร์ดยืนครับ ซึ่งก็จะมีอีก 2 แบบ คือแบบที่เป็นรองเท้าแบบสวมกับบอร์ดยึดตึดกัน กับลักษณะที่เป็นเหมือนรองเท้าแตะจะถอดง่ายหน่อย เหมาะสำหรับมือใหม่ครับ
3. Wakeskate ลักษณะจะคล้ายๆ skateboard คือเป็นพื้นกระดาษทราย แล้วใส่รองเท้าผ้าใบเล่นหรือเท้าเปล่าก็ได้ครับ
โดยทั้งหมดนี้จะใช้เคเบิ้ลดึงให้มันพาเราไปรอบๆ บึง และในบึงก็จะมีอุปกรณ์ให้เราได้เล่นครับ

แน่นอนว่าผมไปเล่นครั้งแรกก็ต้องเป็น Kneeboard พอเลือกอุปกรณ์เสร็จเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ที่บึงจะเข้ามาสอนเรา เกี่ยวกับวิธีเล่นกับ Kneeboard การทรงตัวการเข้าโค้ง พอเสร็จแล้วก็ไปประจำตัวที่จุด start ครับ ขอบอกว่าตอนนั้นตื่นเต้นสุดๆ ใจเต้นแรงมาก พอเคเบิ้ลเริ่มดึงก็ตู้ม...ตกน้ำทันทีครับ ไปได้แค่ 6-8 เมตรเองมั้ง แต่รู้สึกสนุกมาก แล้วก็ขึ้นไปมาไปเล่นอีกรอบ พอรอบสองเราไปได้ไกลถึงโค้งแต่ก็ยังเข้าโค้งไม่ได้โดยเชือกดึงคว่ำเลย (ตอนเข้าโค้งต้องใช้แรงแขนเยอะหน่อย) จากนั้นก็ขึ้นมานั่งพักยาวหน่อยครับ เนื่องจากว่าผมเองว่ายน้ำไม่เป็นบวกกับไม่ได้ออกกำลังกายมานานมากแล้วทำให้เราเหนื่อยและแขนไม่ค่อยมีแรง จากนั้นผมก็ลงเล่นอีกหลายรอบเหมือนกัน แต่ก็ยังไปได้ไม่ครบรอบ เพราะเราไม่ค่อยมีแรงดึงเชือกแล้ว แต่สนุกมากและไม่เคยสนุกอะไรแบบนี้มานานแล้วครับ

เสียดายครับเหมือนกันครับ วันที่หัดเล่นไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลย เลยไม่มีรู้เอามาให้ดูกัน

รอบหน้าจะมาเล่าประสบการณ์การเล่นรอบที่สองให้ฟัง ซึ่งวันที่สองนี้ผมเล่น board ยืนแล้วนะครับ คว่ำกระจายแน่นอนครับ  

ริวิว ขนมหน้าตาแบบนี้


เอาจริงๆ คือจำไม่ได้เหมือนกันว่ามันชื่ออะไร แต่ที่แน่ๆ คือเจ้านี้เข้าทอดได้อร่อยมาก
เนื้อแป้งหนานุ่ม ไส้กรอกทอดได้กรอบ กินอร่อยมากเลย ใครสนใจอยากกินบ้างมาแวะกินได้ที่
ตลาดนัดรถไฟศรีนครินทร์ และที่นี่ยังมีของกินอีกเพียบเลย

เรียกได้ว่ามาที่นี่แล้วอ้วแน่นอนครับ  

ต้องบอกก่อนเลยว่า ผมไม่เคยเรียนภาษาญี่ปุ่นมาก่อนเลยในชีวิต แต่ตอนนี้ผมต้องเข้ามาทำงานในบริษัทญี่ปุ่นที่มีวัฒนธรรมในการทำงานเหมือนญี่ปุ่นในหลายๆ เรื่อง ทั้งการโชเร การพูดประโยดตอบรับขานรับเวลามีใครมา

ก่อนอื่นก็มีน้องในออฟฟิศช่วยเขียนประโยคแนะนำตัวมาให้เป็นภาษาญี่ปุ่น แต่งมาให้ 4 ประโยค ผลคือผมต้องไปนั่งท่องทั้งคืน ทั้งที่มันก็แค่ 4 ประโยค และมันจำยากเหมือนกันครับ เพราะเราไม่คุ้นเคยมันภาษาเลย ไม่เหมือนภาษาอังกฤษ

พอถึงวันที่ต้องแนะนำตัวจริง เขาให้เวลาผมแนะนำตัวเป็นเวลา 5 นาที ผมคิดในใจ ให้เวลามา 5 นาที แต่ผมท่องมาแค่ 4 ประโยค ไม่เกิน 30 วินาที ก็น่าจะพูดหมดแล้ว พอเขาเรียกผมไปแนะนำตัว ผมตื่นเต้นมาก แต่พอเข้ามาผมแปลกในนิดหน่อยเพราะเป็นการแนะนำตัวผ่านทาง Skype แต่ไม่เปิดกล้องเห็นหน้ามีแต่เสียงเท่านั้น ผมสบายใจเลยครับ พูดได้ตามสคริปเลย แล้วก็รอดตัวไป ฮ่าๆๆ

คงต้องปรับตัวอีกพักใหญ่ เพราะที่นี่เข้าพูดภาษาญี่ปุ่นกันได้หมดเลย แต่ผมก็เห็นว่ามันเป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้ผมได้ภาษาญี่ปุ่นติดตัวครับ  

Information

タイのブログサイト「ナムジャイブログ」でブログを作る! タイのブログサイト「ナムジャイブログ」にログインする!

初めてのタイへの旅の不安を解決
海外進出を手厚くサポートします
< 2025年06月 >
S M T W T F S
1 2 3 4 5 6 7
8 9 10 11 12 13 14
15 16 17 18 19 20 21
22 23 24 25 26 27 28
29 30          
最近の記事
最近のコメント
QRコード
QRCODE
アクセスカウンタ
読者登録
メールアドレスを入力して登録する事で、このブログの新着エントリーをメールでお届けいたします。解除は→こちら
現在の読者数 0人
プロフィール
Penguin